วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กุ้งอบวุ้นเส้น


กุ้งอบวุ้นเส้น 

อาหารอบ - วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้นที่มีรสอร่อยด้วยเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่หาได้ทั่วไป

เครื่องปรุงกุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งสด วุ้นเส้น เบคอน ซอสต่างๆ ขิง กระเทียม ขึ้นฉ่ายเครื่องปรุงกุ้งขนาดกลาง 8-10 ตัว
เบคอน 2 เส้น
วุ้นเส้น 2 กำเล็ก
กระเทียมกลีบใหญ่ 4-5 กลีบ
ขิงฝาน 4-5 แว่น
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
ขึ้นฉ่าย 1 ต้น
น้ำซุปไก่ 1 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำวุ้นเส้นมาแช่น้ำให้พอนิ่ม นานประมาณ 10 นาที ก็สะเด็ดน้ำ พักไว้ จากนั้น ทำความสะอาดกุ้ง ตัดหนวด หรือจะปลอกเปลือก เด็ดหัว ผ่าหลังแล้วดึงเส้นดำออกก็ได้ (แต่วันนี้กุ้งตัวไม่ใหญ่มากจึงแค่ตัดหนวดออกเท่านั้น)
วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น แช่วุ้นเส้นให้นิ่มและทำความสะอาดกุ้ง

2. ปลอกเปลือกกระเทียม ตัดก้านขึ้นฉ่าย นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำขึ้นฉ่ายมาซอยหยาบๆ นำกระทียมไปทุบพอแตก และโขลกพริกไทยเม็ดให้พอแหลก จากนั้น ผสมซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย น้ำซุปไก่ ขิงฝาน พริกไทยโขลกหยาบ และกระเทียมที่บุบไว้รวมกันในชามผสม จากนั้น นำวุ้นเส้นที่สะเด็ดน้ำแล้วมาใส่ลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีให้วุ้นเส้นได้ดูดน้ำปรุง
วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น ทุบกระเทียม พริกไทยเม็ด ซอยขึ้นฉ่าย ผสมน้ำปรุงแล้วนำวุ้นเส้นไปแช่

3. หั่นเบคอนเป็นชิ้นขนาดพอดีกับก้นหม้ออบแล้ววางลงไปที่ก้นหม้อ แบ่งวุ้นเส้นในชามผสมออกมาครึ่งหนึ่ง วางลงไปบนเบคอน นำกุ้งประมาณ 4-5 ตัววางทับลงไปแล้วนำวุ้นเส้นและส่วนผสมทั้งหมดที่เหลือในชามผสมราดลงไปบนตัวกุ้งที่เรียงไว้แล้ว จากนั้นก็นำกุ้งที่เหลือวางเรียงทับลงบนวุ้นเส้นอีกที
วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น หั่นเบคอนแล้ววางที่ก้นหม้ออบ จัดเรียงวุ้นเส้นและกุ้ง จากนั้น เทน้ำปรุงใส่ลงไป

4. ปิดฝาหม้ออบแล้วนำเข้าเตาอบที่ไฟ 400° ฟาเรนไฮด์นานประมาณ 25-30 นาที เมื่อสุกได้ที่จะเห็นน้ำซุปเดือดและกุ้งสุกเปลี่ยนเป็นสีส้มก็ใส่ใบขึ้นฉ่ายลงไปแล้วอบต่อไปอีกประมาณ 2 นาที
วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น นำเข้าเตาอบประมาณ 25-30 นาที จากนั้น ใส่ใบขึ้นฉ่ายลงไปแล้วอบต่ออีก 2 นาที

5. เมื่อทุกอย่างสุกได้ที่ก็ปิดเตาและยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ
เมื่อทุกอย่างสุกได้ที่ก็ปิดเตาและยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ



ภัยธรรมชาติ.


ภัยธรรมชาติ นั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ หรือมนุษย์ได้ทำให้มันเกิดขึ้นมา
 ภัยธรรมชาติมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปบางอย่างร้ายแรงน้อย 
บางอย่างร้ายแรงมากซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น 
การเกิดอุทกภัยหรือน้ำท่วม การเกิดพายุ การเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เป็นต้น 
ซึ่งภัยธรรมชาติต่างๆไม่ว่าจะร้ายแรงมากหรือน้อยก็เกิดขึ้นได้ทุกเวลาโดยที่มนุษย์ไม่ได้ตั้งตัว 
แบ่งเป็น 8 ประเภท


เดือน
ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ
กุมภาพันธ์
ไฟป่า
มีนาคม
พายุฤดูร้อน , ไฟป่า , ฝนแล้ง
เมษายน
พายุฤดูร้อน , ไฟป่า , ฝนแล้ง
พฤษภาคม
พายุฤดูร้อน , อุทกภัย
มิถุนายน
อุทกภัย , ฝนทิ้งช่วง
กรกฎาคม
ฝนทิ้งช่วง , พายุฝนฟ้าคะนอง ,พายุหมุนเขตร้อน , อุทกภัย
สิงหาคม
พายุหมุนเขตร้อน , อุทกภัย , พายุฝนฟ้าคะนอง
กันยายน
พายุหมุนเขตร้อน , อุทกภัย , พายุฝนฟ้าคะนอง

วาตภัย ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจาก พายุลมแรง แบ่งได้ ชนิด

1.1 วาตภัยจากพายุฤดูร้อน จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน เกิดจากกระแสอากาศร้อนยกขึ้นเบื้องบนอย่างรุนแรง และรวดเร็ว เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและอาจมีลูกเห็บทำความเสียหาย ได้ในบริเวณเล็กๆ ช่วงเวลาสั้นๆ ความเร็วลมประมาณ 50 กม./ชม. ทำให้สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า เป็นอันตรายแก่ชีวิตมนุษย์และสัตว์ได้

สภาวะอากาศ ก่อน/ขณะ/หลัง ของพายุฤดูร้อน (ช่วง เดือนมีนาคม-พฤษภาคม)
ก่อนเกิดวาตภัย
 อากาศร้อนอบอ้าว ติดต่อกันหลายวัน
 ลมสงบ แม้ใบไม้ก็ไม่สั่นไหว
 ความชื้นในอากาศสูง จนรู้สึกเหนียวตามร่างกาย
 ท้องฟ้ามัว ทัศนวิสัยการมองเห็นระยะไกลไม่ชัดเจน
 เมฆมากขึ้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม อากาศร้อนอบอ้าว
ขณะเกิดวาตภัย
 พายุลมแรง 15-20 นาที ความเร็วมากกว่า 50 กม./ช.ม
 เมฆทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมกระโชกแรงเป็นครั้งคราว มีฝนตกหนัก บางครั้งมีลูกเห็บ ฟ้าคะนอง ฟ้าแลบ ถ้านับในใจ 1-2-3 แล้ว ได้ยินเสียงฟ้าร้อง และพายุจะห่างไปประมาณ 1 กม. ถ้าเห็นฟ้าแลบและฟ้าร้องพร้อมกัน พายุจะอยู่ใกล้มาก
 สภาวะนี้จะอยู่ประมาณ 1 ชม.
หลังเกิดวาตภัย
 พายุสลายไปแล้วอากาศจะเย็นลง รู้สึกสดชื่นขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส ทัศนวิสัยชัดเจน

การป้องกันพายุฤดูร้อน
* ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
* สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053-277919 ตลอด 24 ชั่วโมง
* ติดตั้งสายล่อฟ้าสำหรับอาคารสูงๆ
* ปลูกสร้าง ซ่อมแซม อาคารให้แข็งแรง เตรียมป้องกันภัยให้สัตว์เลี้ยงและพืชผลการเกษตร
* ไม่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ขณะมีฟ้าคะนอง
* ไม่ใส่เครื่องประดับโลหะ และอยู่กลางแจ้ง ขณะมีฝนฟ้าคะนอง

1.2 วาตภัยจากพายุฤดูหมุนเขตร้อน จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน เป็นพายุที่เกิดขึ้นเหนือทะเลจีนใต้ และมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตร้อน มีศูนย์กลางประมาณ 200 กม. มีลมพัดเวียนรอบศูนย์กลางทิศทวนเข็มนาฬิกา ศูนย์กลางเป็นวงกลมประมาณ 15-60 กม. เรียกตาพายุ มองเห็นได้จากภาพเมฆดาวเทียม เมื่อเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามทำความเสียหายให้บริเวณที่เคลื่อนผ่าน ตามลำดับความรุนแรง

เกณฑ์การแบ่งความรุนแรงของพายุเขตร้อนเป็น 3 ระดับคือ
1. พายุดีเปรสชั่น มีกำลังอ่อน ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่เกิน 63 กม./ชม.
2. พายุดีหมุนเขตร้อน มีกำลังปานกลาง ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่เกิน 63-117 กม./ชม.
3. พายุไต้ฝุ่น มีกำลังปานกลาง ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางมากกว่า 118 กม./ชม.

สภาวะอากาศ ก่อน/ขณะ/หลัง ของพายุหมุนเขตร้อน(ช่วง เดือนกรกฏาคม-กันยายน)
ก่อนเกิดวาตภัย
 อากาศดี ลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่าน
 เมฆทวีขึ้นเป็นลำดับ
 ฝนตกเป็นระยะๆ
ขณะเกิดวาตภัย
 เมฆเต็มท้องฟ้า ฝนตกต่อเนื่องเกือบตลอดเวลา ลมพัดแน่ทิศ
 ตาพายุผ่านมา ลมสงบ ท้องฟ้าแจ่มใส
 เมฆเต็มท้องฟ้า ฝนตกเกือบตลอดเวลา ลมพัดกลับทิศ
หลังเกิดวาตภัย
 พายุสลายไปแล้วจะทิ้งความเสียหายไว้ตามทางผ่าน อากาศดีขึ้นเป็นลำดับ

การป้องกันพายุหมุนเขตร้อน
* ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
* สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053-277919 ตลอด 24 ชั่วโมง
* ฝึกซ้อมการป้องกันภัยพิบัติ เตรียมพร้อมรับมือ และวางแผนอพยพหากจำเป็น
* เตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ วิทยุกระเป๋าหิ้วติดตามข่าวสาร
* ซ่อมแซมอาคารให้แข็งแรง เตรียมป้องกันภัยให้สัตว์เลี้ยงและพืชผลการเกษตร
* เตรียมพร้อมอพยพเมื่อได้รับแจ้งให้อพยพ

อุทกภัย ภัยที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีน้ำเป็นสาเหตุ อาจจะเป็นน้ำท่วม น้ำป่า หรืออื่น ๆ โดยปกติ อุทกภัยเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางครั้งทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมีสาเหตุจากพายุ หมุนเขตร้อน ลมมรสุมมีกำลังแรง ร่องความกดอากาศต่ำมีกำลังแรง อากาศแปรปรวน น้ำทะเลหนุน แผ่นดินไหว เขื่อนพัง ทำให้เกิดอุทกภัยได้เสมอ แบ่งได้ 2 ชนิด

1.1 อุทกภัยจากน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ดินดูดซับไม่ทัน น้ำฝนไหลลงพื้นราบอย่างรวดเร็ว ความแรงของน้ำทำลายต้นไม้ อาคาร ถนน สะพาน ชีวิต ทรัพย์สิน

1.2 อุทกภัยจากน้ำท่วมขังและน้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำในแม่น้ำ ลำธารล้นตลิ่ง มีระดับสูงจากปกติ ท่วมและแช่ขัง ทำให้การคมนาคมชะงัก เกิดโรคระบาด ทำลายสาธารณูปโภค และพืชผลการเกษตร

การป้องกันอุทกภัย
* ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
* สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053-277919 ตลอด 24 ชั่วโมง
* ฝึกซ้อมการป้องกันภัยพิบัติ เตรียมพร้อมรับมือ และวางแผนอพยพหากจำเป็น
* เตรียมน้ำดื่ม เครื่องอุปโภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ วิทยุกระเป๋าหิ้วติดตามข่าวสาร
* ซ่อมแซมอาคารให้แข็งแรง เตรียมป้องกันภัยให้สัตว์เลี้ยงและพืชผลการเกษตร
* เตรียมพร้อมเสมอเมื่อได้รับแจ้งให้อพยพไปที่สูง เมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย และฝนตกหนักต่อเนื่อง
* ไม่ลงเล่นน้ำ ไม่ขับรถผ่านน้ำหลากแม้อยู่บนถนน ถ้าอยู่ใกล้น้ำ เตรียมเรือเพื่อการคมนาคม
* หากอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ป้องกันโรคราด ระวังเรื่องน้ำและอาหาร ต้องสุก และสะอาดก่อนบริโภค

ทุกขภิกขภัย ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจาก ฝนแล้ง ไม่ตกตามฤดูกาล มีสาเหตุจาก พายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านประเทศไทยน้อย ร่องความกดอากาศต่ำมีกำลังอ่อน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังอ่อน เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน หรือเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญรุนแรง ทำให้ฝนน้อยกว่าปกติ ทำให้ผลผลิตการเกษตรเสียหาย ขาดน้ำ เหี่ยวเฉา แห้งตายในที่สุด โรคพืชระบาด คุณภาพด้อยลง อุตสาหกรรมเกษตรเสียหาย ขาดแคลนอุปโภค บริโภค กระทบกับการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ

สภาวะอากาศของทุกขภิกขภัย(ฝนแล้ง) 
 ครึ่งหลังเดือนตุลาคม-กลางพฤษภาคม สิ้นฤดูฝน -ฤดูร้อน ฝนน้อยกว่าฤดูฝน
 ปลายเดือนมิถุนายน-กลาง กรกฎาคม ฝนทิ้งช่วงมากกว่า 2 สัปดาห์
การป้องกันทุกขภิกขภัย
* ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
* สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053-277919 ตลอด 24 ชั่วโมง
* ฝึกซ้อมการป้องกันภัยพิบัติ เตรียมพร้อมรับมือ และวางแผนอพยพหากจำเป็น

พายุฝนฟ้าคะนอง ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจากฝนฟ้าคะนอง และลมแรง อากาศร้อนลอยสูงขึ้น อากาศข้างเคียงไหลเข้ามาแทนที่ ไอน้ำกลั่นตัวเป็นเมฆ ทวีความสูงมากขึ้น มองเห็นคล้ายทั่งตีเหล็กสีเทาเข้ม มีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง บางครั้งมีลูกเห็บ หากตกต่อเนื่องหลายชั่วโมง อาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน อาจ เกิดพายุลมหมุนหรือ พายุงวงช้างมีลมแรงมาก ทำความเสียหายบริเวณที่เคลื่อนผ่าน
สภาวะอากาศก่อน/ขณะ/หลังของพายุฝนฟ้าคะนอง (ช่วง เดือนมีนาคม-พฤษภาคม)
ก่อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
 อากาศร้อนอบอ้าว
 ลมสงบ หรือลมสงบ
 ความชื้นในอากาศสูง จนรู้สึกเหนียวตามร่างกาย
 เมฆก่อตัวเป็นรูปทั่งสีเทาเข้ม ยอดเมฆสูงกว่า 10 กม.
ขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
 ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง
 ฝนตกหนักถึงหนักมาก บางครั้งมีลุกเห็บ
หลังเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
 พายุสลายไปแล้วอากาศจะเย็นลง รู้สึกสดชื่นขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส

การป้องกันพายุฝนฟ้าคะนอง
* ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
* สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053-277919 ตลอด 24 ชั่วโมง
* ติดตั้งสายล่อฟ้าสำหรับอาคารสูงๆ
* ปลูกสร้าง ซ่อมแซม อาคารให้แข็งแรง เตรียมป้องกันภัยให้สัตว์เลี้ยงและพืชผลการเกษตร
* ไม่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ขณะมีฟ้าคะนอง
* ไม่ใส่เครื่องประดับโลหะ และอยู่กลางแจ้ง ขณะมีฝนฟ้าคะนอง

คลื่นพายุซัดฝั่ง ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจากพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนที่เข้าหาฝั่ง ความสูงของคลื่นขึ้นกับความแรงของพายุ

แผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยพลังงานใต้พิภพ ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินเลื่อน ถล่ม และเกิดจากมนุษย์ เช่นระเบิดนิวเคลียร์ ภาคเหนือส่วนมากจะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3-4 ริกเตอร์ และเคยเกิดขนาดใหญ่สุดที่บันทึกได้ 5.6 ริกเตอร์ ที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก วันที่ 17 ก.พ.2518
ขนาดแผ่นดินไหว
ผลกระทบ
จำนวนครั้ง/ปี
ริกเตอร์
รัศมีและความลึกไม่เกิน 100 กม.
รอบโลก
3.5-4.2
บางคนรู้สึกสั้นสะเทือน
30000
4.3-4.8
หลายคนรู้สึกสั่นสะเทือน
4800
4.9-5.4
เกือบทุกคนรู้สึกสั่นสะเทือน
1400
5.5-6.1
อาคารเสียหายเล็กน้อย
500
6.2-6.9
อาคารเสียหายปานกลาง
100
7.0-7.3
อาคารเสียหายรุนแรง
15
ตั้งแต่ 7.4
อาคารเสียหายรุนแรง
4
ข้อควรปฏิบัติ ก่อน/ขณะ/หลัง เกิดแผ่นดินไหวอันเกิดแผ่นดินไหว
 เตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล อุปโภค บริโภค กรณีฉุกเฉิน
 เตรียมพร้อม สมาชิกในครอบครัว วางแผนอพยพหากจำเป็น
 ไม่วางของหนักบนชั้นสูงๆ ยึดตู้หนักไว้กับผนังห้อง
ขณะเกิดแผ่นดินไหว
 อยู่ในอาคารสูง ควบคุมสติ หลบใต้โต๊ะแข็งแรง ไม่วิ่งลงกระได ลงลิฟต์
 ขับรถให้หยุดรถ ควบคุมสติ อยู่ภายในรถจนการสั่นสะเทือนหยุดลง
 อยู่นอกอาคาร ห่างจากอาคารสูง กำแพง เสาไฟฟ้า ไปอยู่ที่โล่งแจ้ง
หลังเกิดแผ่นดินไหว
 ออกจากอาคารสูง รถยนต์ สำรวจผู้ประสบภัย ตรวจสอบความเสียหาย
 ปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งแพทย์หากเจ็บหนัก
 ยกสะพานไฟ อยู่ห่างจากสายไฟที่ไม่อยู่กับที่ ซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอทันที

แผ่นดินถล่ม การเกิดดินถล่ม เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ป้องกันได้ยากแต่เราก็สามารถลดปัจจัยความเสี่ยงได้ ถ้าเรามีการเตรียมพร้อมเฝ้าระวังที่ดีแล้ว จะลดความเสียหายได้แน่นอน
การสังเกตก่อนเกิดดินถล่ม
- น้ำในลำห้วยขุ่นมาก หรือมีสีแดงขุ่นแสดงว่าจะมีตะกอนไหลมาตามลาดเขา
- เวลาฝนตกนาน ๆ จะมีเสียงดังเหมือนตอนมีน้ำป่ามา ต้นไม้ล้มหรือก้อนหินกลิ้งดังครืน ๆ ถ้ามีเสียงนั้นจริง ๆ แสดงว่าดินจะถล่มลงมา
- บ้านที่อยู่ในที่ราบเชิงเขาอาจจะเกิดดินถล่มจากภูเขาลงมาทำความเสียหายแก่บ้านเรือนได้
สาเหตุการเกิดดินถล่ม
- ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันหรือดินบนลาดเขาเป็นดินร่วนและมีความลาดชัน มาก ๆ
- การทำไร่เลื่อนลอยบนภูเขา ทำให้สภาพดินต้องไป เมื่อฝนตกหนักนาน ๆ ดินบนภูเขานั้นอิ่มน้ำและไถลลงมาตามลาดเขานำเอาตะกอนดิน, ก้อนหิน, ซากไม้ล้มลง มาด้วย
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดดินถล่ม
- ถ้าฝนตกหนักแบบไม่หยุดติดต่อกันหลายวัน ดินบนภูเขาอาจถล่ม ต้องเฝ้าระวังกันให้ดี โดยให้อพยพ หรือให้หนีไปที่สูง ๆ และต้องรีบแจ้งต่อ ๆ ให้รู้ทั่วกันโดยเร็ว
- ถ้าพลัดตกไปในกระแสน้ำห้ามว่ายน้ำหนีเป็นอันขาด เพราะจะโดนซากต้นไม้ ก้อนหินที่ไหลมากับโคลนกระแทกจนถึงตายได้
- ให้หาต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ที่สุดเกาะเอาไว้แล้วปีนหนีน้ำให้ได้
ข้อควรปฏิบัติหลังน้ำลด
- อย่าปลูกบ้านหรือสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำหรือใกล้ลำห้วยมากเกินไป
- ช่วยกันร่วมมือร่วมแรงอย่าตัดไม้ทำลายป่า
- ปลูกต้นไม้เพิ่มไว้ช่วยซับน้ำ
- ช่วยกันปลูกป่าบริเวณที่ถูกทำลายและป้องกันไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่าซึ่งทุก ๆ คนต้องมีส่วนร่วมในการดูแลและเฝ้าระวัง
- จัดเวรยามเพื่อเดินตรวจตาดูสถานการณ์รอบ ๆ หมู่บ้านเมื่อมีสิ่งผิดปกติยามค่ำคืน
- ติดตามฟังข่าวพยากรณ์อากาศ เพื่อทราบสภาพสถานีการณ์ของภาวะฝนตกหนักหรือน้ำป่าไหลหลาก

ไฟป่า ภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจากมนุษย์เป็นส่วนมาก ได้แก่การเผาหาของป่า เผาทำไร่เลื่อนลอย เผากำจัดวัชพืช ส่วนน้อยที่เกิดจากการเสียดสีของต้นไม้แห้ง ปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นพฤษภาคม ทำให้เกิดมลพิษในอากาศมากขึ้น ผงฝุ่น ควันไฟกระจายในอากาศทั่วไป ไม่สามารถลอยขึ้นเบื้องบนได้ มองเห็นไม่จัดเจน สุขภาพเสื่อม พืชผลการเกษตรด้อยคุณภาพ แหล่งทรัพยากรลดลง
การป้องกันไฟป่า
* ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
* สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053-277919   ตลอด 24 ชั่วโมง
* ดับไฟ บุหรี่ ธูป เทียน กองไฟให้ความอบอุ่น ทุกครั้ง ในบ้านหรือกลางแจ้ง
* ตัดแต่งกิ่งไม้ ให้ห่างจากเสาไฟฟ้า หมั่นตรวจสอบคุณภาพอุปกรณ์ฟ้า
* ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงฉุกเฉินประจำอาคาร
* เก็บวัสดุ อุปกรณ์ไวไฟ สารเคมี ให้อยู่ในที่ปลอดภัย
* ซักซ้อม วางแผนหนีไฟ และเตรียมพร้อมเสมอ

อันตรายจาก บิ๊กอาย.




      ด้วยความคิดที่ว่า สาว “ตาเล็ก” หรือ “ตาชั้นเดียว” ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ ทำให้บรรดาสาววัยรุ่นชาวเอเชียจำนวนไม่น้อยพยายามดิ้นรนที่จะเพิ่มขนาดของดวงตาให้ใหญ่ขึ้น เช่น การผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นต้น ซึ่งล่าสุด ก็มาถึงคิวของนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสาวๆ ชาวญี่ปุ่นและเกาหลี นั่นก็คือ “คอนแทกต์เลนส์ตาโต” หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “บิ๊กอายส์”

      และแน่นอนว่า ขณะนี้ได้แพร่สะพัดมาสู่สาวตาเล็กชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุผลเพื่อเพิ่มขนาดของดวงตาและทำให้ตาหวาน

     ที่น่าตกใจก็คือ ไม่ใช่แค่เพียงสาวๆ เท่านั้น หากยังลามไปถึงผู้ชายและบรรดาเพศที่ 3 ทั้งหลายอีกด้วย
      อย่างไรก็ตาม การใส่บิ๊กอายส์ก็จะใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะล่าสุดเพิ่งมีคำเตือนจากกระทรวงสาธารณสุขไทย ว่า การใส่บิ๊กอายส์นั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในดวงตา ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่บอบบางที่สุด หากเกิดปัญหาขึ้นกับดวงตาและไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง อาจถึงขั้นตาบอดได้



      ปัจจุบันค่านิยมการใส่บิ๊กอายส์ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากสาวๆ วัยรุ่นไทยที่ไม่พึงพอใจในดวงตาของตนเอง จากการสำรวจและสอบถาม ร้านขายคอนแทกต์เลนส์ย่านวัยรุ่นสยามสแควร์ มาบุญครอง ก็ได้รายละเอียดว่า บิ๊กอายส์ที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ซื้อจะเป็นบิ๊กอายส์ขนาดใหญ่ สีที่ได้รับความนิยม เช่น สีน้ำตาลและสี Moon gray หรือสีเทา โดยมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก แต่สำหรับยี่ห้อที่ขายดีที่สุด คือ ยี่ห้อที่มีชื่อย่อขึ้นต้นว่า “M” ซึ่งเป็นบิ๊กอายส์ที่ใส่เป็นรายเดือน มีหลายสีหลายแบบให้เลือก ส่วนยี่ห้ออื่นๆ วัยรุ่นไม่ค่อยซื้อนักเพราะเป็นคอนแทกต์เลนส์สายตาธรรมดา และเป็นชนิดรายวัน

      ทั้งนี้ บิ๊กอายส์ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศเกาหลี โดยสนนราคาจะเริ่มต้นที่ 450 บาทขึ้นไป ไม่มีการรับรองคุณภาพและรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น หรือหมายความว่า ซื้อแล้วจะไม่รับเปลี่ยนคืนนั่นเอง

      ส่วนกลุ่มลูกค้า ทางร้านยังบอกว่า นอกจากจะมีวัยรุ่นผู้หญิงมาซื้อแล้วยังมีวัยรุ่นชายมาซื้อใส่ด้วย

     “บางคนมาซื้อบิ๊กอายส์แบบรายเดือนใส่ตลอดไม่มีการถอดมาทำความสะอาดหรือนานๆครั้งจะถอดมาล้าง ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เมื่อซื้อแล้วต้องล้างทุกวันเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ” เจ้าของร้านแนะนำ

     นอกจากนี้ การขายคอนแทกต์เลนส์แบบบิ๊กอายส์ยังระบาดหนักโดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ซึ่งมีหลายเว็บไซต์ด้วยกัน ที่น่าสนใจคือต่างระบุว่า นอกจะเป็นที่นิยมของวัยรุ่นหญิงแล้วยังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นชาย ชายประเภทสอง ตุ๊ด เกย์ กะเทย ทอมบอยด้วย โดยราคาเริ่มต้นทุกรุ่นตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน ลักษณะการใช้งานตั้งแต่รายเดือนถึงรายปีคือ 1 คู่ใช้ได้1 ปี รวมทั้งมีเลนส์หลายขนาดให้เลือก เช่น 14.0, 14.5, 14.8 และบางเว็บไซต์ยังมีออปชันเสริม คือ มีคอนแทกต์เลนส์แบบคอสเพลย์หรือแบบแฟนตาซีขายด้วย

       จากการสอบถามเจ้าของเว็บไซต์ขายบิ๊กอายส์รายหนึ่งบอกว่าสินค้าส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศเกาหลี สีที่ลูกค้าชอบและขายดีที่สุด ได้แก่ สีน้ำตาล สีน้ำตาลทอง สีเทา และหลังจากลูกค้าซื้อแล้วไม่มีการรับประกันคุณภาพ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อแล้วไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็อาจมีปัญหาบ้างเช่น ปัญหาที่เกิดจากเลนส์ มองเห็นไม่ชัด เลนส์กว้าง และแคบเกินไป

     คำเตือน-คำแนะนำจากแพทย์
      รศ.นพ.ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์ ประธานฝ่ายวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย และอาจารย์ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คอนแทกต์เลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความสวยงามแก่ดวงตา ทำให้ตาโตขึ้น ซึ่งบิ๊กอายส์จะมีเลนส์ขนาด 13.5-14.0 มิลลิเมตร ในขณะที่ตาดำคนปกติจะมีขนาด 10.5 มิลลิเมตร ซึ่งปกติตาของคนจะประกอบด้วยกระจกตา (Cornea) มีลักษณะใสเหมือนกระจกไม่มีสี แต่สีจากม่านตา (iris) ของคนเอเชียจะมีม่านตาสีน้ำตาลเข้มถึงสีดำ ทำให้เห็นเป็นตาดำ

      การใส่บิ๊กอายส์ก็เหมือนการใส่คอนแทกต์เลนส์ปกติที่ครอบอยู่บนกระจกตา แต่มีการระบายหรือพิมพ์สีบนผิวเลนส์ให้ใหญ่กว่าตาดำของผู้ใส่ บิ๊กอายส์มีเนื้อวัสดุแบบนิ่มอมน้ำเหมือนคอนแทกต์เลนส์ชนิดนิ่มปกติเพียงแต่บิ๊กอายส์จะมีการระบายสีที่ผิวพลาสติกด้านที่ไม่สัมผัสกับกระจกตาเป็นสีต่างๆ กัน สีที่ใช้ระบายได้มีการถูกทดสอบมาแล้ว จึงไม่น่ามีอันตรายเพราะมีการใช้สีประเภทนี้บนคอนแทกต์เลนส์สีมานานแล้ว

     นอกจากนี้ รศ.นพ.ปริญญ์ ยังแนะนำสิ่งที่พึงปฏิบัติและข้อควรระวังสำหรับคนใช้ ว่า
     1.ไม่ควรใส่นานเกินไปในแต่ละวันมีการใช้คอนแทกต์เลนส์ เมื่อถึงเวลานอนต้องถอดออก มิฉะนั้น จะทำให้เกิดอาการอักเสบของดวงตาได้
     2.ต้องใส่และถอดอย่างถูกวิธี เพราะวิธีที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดรอยขีดข่วนและแผลที่กระจกตา
     3.ใส่แล้วต้องดูแลให้ดี ต้องมีการล้างและแช่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อไม่ให้เกิดแบคทีเรียและควรมีการเปลี่ยนน้ำยาในการล้างและแช่ทุกครั้ง
     4.ต้องดูแลให้ถูกวิธี และไม่ใช้นานเกินไปจนคอนแทกต์เลนส์ปริ ฉีกขาด ทำให้รอยที่ฉีกขาดขูดกับผิวตา กระจกตาเสียหรือมีปัญหาได้     เมื่อทำถูกทั้ง 4 วิธีก็ไม่มีปัญหา

      และล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ได้เข้ามาดูแลเรื่องการใช้คอนแทกต์เลนส์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดย นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา บอกว่า คอนแทกต์เลนส์เพื่อความสวยงามที่กำลังระบาดในกลุ่มวัยรุ่นหญิงไทยนั้น มีสภาพเหมือนกับคอนแทกต์เลนส์แฟชั่นที่มีให้หลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ

     อย่างไรก็ตาม บรรดาคอนแทกต์เลนส์แฟชั่นเหล่านี้ ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ต่อผู้ใส่ ดังนั้น จึงไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ แต่เนื่องจาก อย.เห็นว่า หากนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกัน ดังนั้น จึงได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เลนส์สัมผัส เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัส ทุกประเภทในระดับที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก อย.รวมทั้งต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลาก หรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย.ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการเสนอร่างประกาศฉบับดังกล่าวให้คณะกรรมการเครื่องมือแพทย์พิจารณาในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ และจะเสนอความเห็นต่อรมว.สาธารณสุขเพื่อลงนาม ประกาศใช้ต่อไป

      “ผู้ที่คิดจะใส่ควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ และเพื่อได้รับเลนส์ที่มีขนาดโค้งที่ถูกต้องเหมาะพอดีกับตาของผู้ใส่ ไม่ควรไปซื้อเองจากร้านค้าทั่วไป ขณะเดียวกัน ก็ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดเลนส์ ทั้งการล้าง แช่ เก็บและก่อนสวมใส่ทุกขั้นตอน ไม่ควรใส่ขณะว่ายน้ำ ไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเลนส์สัมผัสแฟชั่นยิ่งต้องระวัง เพราะในช่วงที่ยังไม่มีการกำกับดูแล ร้านค้าอาจนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่ายและก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้” รองเลขาธิการ อย.ให้คำแนะนำทิ้งท้าย



http://women.thaiza.com/-%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B9%8C-%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%95-/129565/ : อ้างอิง